ความประทับใจใน Fast & Furious 7
1 เมษายน 2558
ณ วัน April fool's day เเบบนี้ได้มีโอกาสไปดู Fast & Furious 7 วันนี้เลยจะมาเล่าถึงความประทับใจเเละความผูกพันธ์ระหว่างหนังเรื่องนี้กับตัวผมเองนะครับ
ย้อนไปตอนที่ The Fast and the Furious ออกฉายเมื่อปี 2001 คงไม่มีใครคาดคิดว่ามันจะประสบความสำเร็จขนาดที่ว่าสามารถดำเนินมาจนถึงภาค 7 แถมยังยกระดับจากหนังรถซิ่งฟอร์มเล็กๆ มาเป็นหนังซัมเมอร์ฟอร์มยักษ์ ที่ยังสามารถต่อยอดต่อไปได้อีกหลายภาค ความสำเร็จนี้แรกๆ มันอาจเป็นเรื่องฟลุค แต่ในภาคหลังๆ มันต้องมีมากกว่านั้น สาเหตุหลักๆ ผู้สร้างเริ่มจับทางได้ว่าสเน่ห์ของ Fast ไม่ใช่แค่ ความเร็ว แต่เป็น ครอบครัว การสร้างภาคต่อของ Fast จึงไม่ใช่แค่การสร้างหนัง Action รถซิ่งเรื่องหนึ่งเพื่อหวังฟันเงินเท่านั้น แต่เป็นการร่วมสร้างจักรวาล Fast ขึ้นมา ซึ่ง Fast & Furious ที่ผ่านมาทำหน้าที่นี้ได้ดีเยี่ยม
ตัวผมเองได้ดู Fast & Furious ภาคเเรก คือ ภาคที่ 5 ประทับใจเเละตื่นเต้นไปกับหนัง จนต้องซื้อแผ่น DVD มาเก็บไว้
เเละก็มาไล่หาดูภาคเก่าๆของ Fast & Furious เเละก็หาซื้อแผ่นไม่ได้ เลยตัดสินใจทำเเบบนี้ !!
ส่วนตัวชอบการเปรียบบทบาทชีวิตกับรถที่เราขับ จุดนี้ลึกซึ้งพอสมควร ซึ่งหากเทียบเป็นรถ Fast 7 ก็เปลี่ยนตัวเองจากรถซิ่งมาเป็นรถบ้านหรือรถครอบครัวได้ดีระดับหนึ่ง หนังไม่ได้เน้นเรื่องความเร็วเหมือนชื่ออีกต่อไป ตอกยํ้าแนวคิดคนสำคัญกว่ารถ สิ่งที่สร้างสีสันคือทีมตัวร้ายที่มีความโหดเหี้ยมไร้ปราณีนำ
ด้านนักแสดงนำหนังพยายามเกลี่ยบทให้ทุกคนได้ออกพอๆกัน ได้เห็น วิน ดีเซล มากหน่อยเนื่องจากเขาเป็นตัวเดินเรื่องหลัก ทว่าคนดูหลายคนคงอดโฟกัสไปที่ พอล วอล์คเกอร์ ไม่ได้ นักแสดงใหม่ เคิร์ท รัสเซล เล่นได้น่าสนใจทีเดียวกับบท มิสเตอร์โนบอดี้ ซีนน้อยแต่บทสนทนาแพรวพราวทุกคำ นี่สิที่เรียกว่าเก๋าเกมส์ ฉากจบจัดว่าเป็นไฮไลต์ทีเดียว ชื่นชมผู้กำกับกับที่ใช้เวลาไม่กี่นาทีหลอมรวมหนังเข้ากับโลกแห่งความเป็นจริงด้วยคำพูดของตัวละคร ตอนที่ ดอม โทเร็ตโต้ กับเพื่อนๆกำลังพูดถึง ไบรอัน โอคอนเนอร์ เราทุกคนกลับรู้สึกว่ามันเป็น วินดีเซล และนักแสดงคนอื่นๆที่กำลังพูดถึง พอล วอล์คเกอร์
Fast and Furious 7 ไม่ใช่ภาคที่ดีที่สุด ไม่ได้ทำให้ว้าวเเละตื่นเต้นมาเหมือนภาคอื่นๆ ไม่ใช่หนังที่
เพอร์เฟ็กต์ไร้ที่ติแบบที่หลายคนคาดหวัง มันไม่สมบูรณ์ตั้งแต่ที่ พอล จากไป ภายใต้ข้อจำกัด ต้องขอบคุณทีมงานทุกคนที่สามารถทำให้มันเป็นหนังที่ดูสนุกทีเดียว บันเทิงพอจะทำให้แฟนๆมองข้ามจุดอ่อนหรือลืมข้อเสียต่างๆได้หมด นอกจากนั้นแล้ว Fast 7 ยังเป็นหนังที่มีความหมายกับใครหลายคน มันเป็นภาพยนตร์ไม่กี่เรื่องที่ผู้ชมจำนวนมากติดตามมาตั้งแต่ภาคแรกนานเกิน10ปี มีความรู้สึกรักหนัง ผูกพันธ์กับตัวละครเสมือนเป็นคนในครอบครัว พวกเขาได้มองดูการเติบโตของตัวละคร เห็นพัฒนาการของนักแสดง จนถึงเวลาที่ตัวละครหลายตัวตายลง วันที่นักแสดงคนหนึ่งลาจากโลกนี้ไป และไม่ว่าตอนนี้เขาจะอยู่ห่างไกลกี่ล้านไมล์ เราก็จะจดจำดวงตาสีฟ้าคู่นั้นตลอดไป