Ads Top

7 สิ่งสำคัญที่จะทำให้ชีวิตเราง่ายขึ้น


Don't sweat the small stuff, it's all small stuff 
เราไม่ควรเสียเหงื่อหรือเครียดเป็นเด็กเบบี๋กับเรื่องเล็กๆ และสุดท้ายแล้ว ทุกเรื่องนั่นแหละ ก็เป็นเรื่องเล็กทั้งนั้น

1. ตื่นเช้ากว่าเดิม

ผมเชื่อว่าใครๆ ก็อยากนอนเยอะๆ และทำให้เรามักเลือกจะนอนให้ตื่นสายที่สุดเท่าที่ทำได้ ไม่ก็ประเภทว่าเข้างาน 9 โมงก็อยากไปแค่ให้ “ทันเวลาเข้างาน” แต่สิ่งที่ตามมาคือทุกเช้าเราต้องพะวงว่าจะไปทำงานทันไหม ไหนจะต้องลุ้นรถติดที่หลายๆ วันก็ชวนหงุดหงิดตั้งแต่เริ่มวัน แต่ถ้าเราหัดตื่นเช้าขึ้นอีกสักครึ่งชั่วโมง วิถีหลายๆ อย่างในช่วงเช้าจะไม่เหมือนเดิม เช่นเรามีเวลากินข้าวเช้าที่เป็นเรื่องเป็นราวมากกว่าซื้ออาหารสำเร็จรูปใน 7-11 หรือจะต้องเบียดเสียดกับคนอื่นๆ ส่วนถ้าใครมองว่าจะนอนไม่พอนั้น อันที่จริงปัญหาอาจจะไม่ใช่เรื่องที่คุณนอนตื่นเช้าแค่ไหน แต่คือคุณนอนดึกแค่ไหนต่างหากก็ได้นะครับ

2. เลือกกินอาหารน้อยลง

สิ่งที่ผมมักจะเห็นหลายๆ คนใช้เวลาเยอะในแต่ละวันโดยเฉพาะช่วงพักเที่ยงคือการเลือกว่าจะไปกินไหนดี ทั้งนี้เพื่อหลีกหนีความจำเจเบื่อหน่าย แต่ส่วนตัวผมแล้ว ผมมักจะกินเมนูอาหารเดิมๆ หรืออะไรที่ดูว่าค่อนข้างสะดวก ไม่ยุ่งยาก ทั้งนี้เพื่อลดปัญหาการเสียเวลาโดยใช่เหตุในช่วงเวลาพักเที่ยง (จนหลายๆ คนที่รู้จักผมมักบ่นว่าทำไมกินแต่อาหารเดิมๆ) แต่ก็นั่นเองที่ทำให้ผมค่อนข้างคล่องตัวช่วงพักเที่ยง มีเวลาทำอะไรมากกว่าเดิม ว่างๆ คุณลองนั่งคิดดูก็ได้ครับว่าพักเที่ยงนั้นคุณใช้เวลาไปกับอะไรบ้างและเป็นระยะเวลาเท่าไรกัน

3. พกสมุดจดอยู่เสมอ

เวลาผมไปไหนมาไหนนั้น ผมจะพกสมุดจดเสมอและนึกอะไรออกก็จะหยิบมันขึ้นมาขีดๆ เขียนๆ เลยแทนที่จะอาศัยการจำหรือปล่อยให้ความคิดได้โลดโผนในหัวเพียงอย่างเดียว ทั้งนี้เพราะไอเดียหลายๆ อย่างนั้นเกิดขึ้นในส่วนความทรงจำชั่วคราวที่พร้อมจะสูญหายไปทันทีเมื่อมีอะไรบางอย่างเข้ามาดึงความสนใจแทน การพกสมุดจดก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่หนักหรือสร้างภาระสักเท่าไรนัก แต่ในหลายๆ ครั้งมันจะทำให้คุณสะสมไอเดียดีๆ ได้เพียบแถมเอากลับมาใช้ในวันหลังได้ทีเดียว

4. หัดใช้มือถือให้สมกับเป็นสมาร์ทโฟน

ทุกวันนี้มือถือสุดล้ำของเรานั้นมักจะถูกใช้หลักๆ คือ Social Media อย่าง Facebook และ Twitter บ้างก็เอาไว้ถ่ายรูปโน่นนี่ (ซึ่งภายหลังก็ไม่ได้หยิบมาดูสักเท่าไรหรอก) แต่จริงๆ แล้วมือถือของคุณทำอะไรได้มากกว่านั้นเยอะเพราะสิ่งที่เรียกว่า “แอพ” เพียงแต่คุณจะพยายามฝึกและทำให้มันเป็นเครื่องมือช่วยเหลือคุณแค่ไหนกัน ลองหาแอพเจ๋งๆ ที่ทำให้ชีวิตของคุณง่ายขึ้นเช่นแอพจดโน๊ต แอพช่วยทำลิสต์สิ่งที่ต้องทำ ฯลฯ และฝึกให้มันช่วยทำให้ชีวิตคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้นดูนะครับ

5. ตั้งเวลาให้เร็วกว่าปรกติ 5-10 นาที

ผมเขียนเรื่องเทคนิคนี้ไว้บ้างแล้ว แต่สรุปง่ายๆ คือการตั้งเวลาให้เร็วกว่าปรกติ 5-10 นาทีจะทำให้ชีวิตของคุณมีการเผื่อและจัดการเวลาดีขึ้นอย่างไม่รู้ตัว เนื่องจากหลายๆ ครั้งมันจะกึ่งๆ ไซโคตัวคุณอยู่พอสมควรให้ทำอะไรรวดเร็วขึ้นและรีบเร่งไม่ให้สาย และนั่นทำให้ตัวคุณจะไปถึงนัดหมายก่อนเวลา ทำงานเสร็จตามกำหนด ฯลฯ อย่างตัวผมเองก็ใช้ทริคนี้มาหลายปีแล้วซึ่งก็ถือว่าได้ผลมากทีเดียว

6. สร้างรูปแบบชีวิตที่เป็นแบบแผนง่ายๆ บ้างก็ดี

ทุกวันนี้ที่ผมทำงาน ผมจะใส่เสื้อของบริษัท (dtac) ทุกวันจนหลายๆ คนมักแซวผมว่าซื้อมากี่ตัวหรือรักแบรนด์มากจริงๆ เรื่องการรักบริษัทก็เรื่องหนึ่ง แต่อีกส่วนหนึ่งคือมันทำให้ตอนเช้าผมไม่ต้องคิดอะไรมากกับการเลือกเสื้อผ้า เพราะผมหารูปแบบการแต่งตัวมาตรฐานของผมได้แล้ว ซึ่งแน่นอนว่าใส่เสื้อเชิ้ตกางเกงยีนรองเท้าหนังเป็นรูปแบบที่ผมมองว่าโอเคแล้ว ไม่ต้องคิดอะไรให้วุ่นวาย ทุกเช้าผมก็สามารถคว้าเสื้อผ้าใส่ได้เลยโดยไม่ต้องมาคอยดูว่าเสื้อตัวนี้เข้ากับกางเกงไหม ตัวนี้ใส่บ่อยไปหรือเปล่า ฯลฯ กระบวนการสร้างรูปแบบซ้ำๆ นี้ไม่ใช่แค่เรื่องเสื้อผ้าเท่านั้น แต่ยังมีอีกหลายๆ อย่างที่ผมมักทำเพื่อให้ผมไม่ต้องคอยกังวลหรือคิดอะไรให้วุ่นวาย เพราะในบางเช้านั้นเราอาจจะต้องการโฟกัสบางอย่างเป็นพิเศษซึ่งก็คงไม่ดีถ้าเราต้องเสียสมาธิไปกับบางอย่างโดยไม่จำเป็น

7. ไม่ฟังเพลงระหว่างทำงาน

จริงอยู่หลายๆ คนจะชื่นชอบการฟังเพลงซึ่งสร้างความคึกคักในการทำงาน แต่จากประสบการณ์ของผมนั้น การฟังเพลงอาจจะกลายเป็นการดึงสมาธิของคุณไปโดยไม่รู้ตัวเพราะสมองของคุณจะต้องประมวลผลเพลง คิดถึงเนื้อเพลง หรือบางทีอาจจะทำให้คุณเหมือนร้องเพลงตามทั้งที่จริงๆ สมาธิควรไปโฟกัสอยู่ที่ตัวงานตรงหน้ามากกว่า เรื่องนี้เลยอาจจะมาถึงว่าคุณควรเลือกเพลงฟังให้ถูกด้วย ไม่ใช่ว่าเอาเพลงที่มาฟังแล้วดึงสมาธิ (ถ้าจำเป็นต้องฟังจริงๆ) ถ้าอยากรู้ว่าจริงไม่จริง ลองสังเกตพฤติกรรมและความคิดของคุณระหว่างทำงานและฟังเพลงไปด้วยดูว่ามันลื่นไหลดีหรือทำให้คุณสะดุดเวลาเปลี่ยนเพลงหรือเปล่า
ขับเคลื่อนโดย Blogger.